หน้าแรก > ‘ทีดีอาร์ไอ’ถอดบทเรียน ปัญหาแรงงานแพร่วัววิด-4คำแนะนำ

‘ทีดีอาร์ไอ’ถอดบทเรียน ปัญหาแรงงานแพร่วัววิด-4คำแนะนำ


‘ทีดีอาร์ไอ’ถอดบทเรียน ปัญหาแรงงานแพร่วัววิด-4ข้อแนะนำ
หมายเหตุ – ส่วนหนึ่งส่วนใดจากการเรียนของ ดร.ยงยุทธ แฉล้มวงษ์ ผู้อำนวยการศึกษาค้นคว้าด้านแรงงาน สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาเมืองไทย (ทีดีอาร์ไอ) เกี่ยวกับภาวะปัญหาแรงงานต่างชาติลักลอบเข้าประเทศ มีผลต่อการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสวัวโรท้องนา 2019 หรือวัววิด-19 รอบใหม่ และก็ข้อเสนอ
จากข้อมูลตลาดแรงงานชาวไทยปัจจุบันของสสช.พฤศจิกายน 2563 สะท้อนภาพของผลพวงการระบาดของวัววิด-19 ที่มีต่อตลาดแรงงานทุเลาลงอย่างชัดเจน
จากการเปรียบเทียบกับพ.ย. 2562 พบว่าปริมาณแรงงานมากขึ้นจาก 6.425 ล้านคน เป็น 7.219 ล้านคน อาจจะเป็นผลให้หลายข้างบันเทิงใจขึ้น ผลพวงของการระบาด วัววิด-19 ต่อตลาดแรงงานที่คลายตัวลงมาเยอะพอควร
แต่ สถิติที่พรีเซนเทชั่นผลพวงของวัววิด-19ในพฤศจิกายน 2563 โบราณไปในทันทีเมื่อพบว่าข้างหลังวันที่ 19 เดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นมา กำเนิดระบาดวัววิด-19 จากตลาดกึ่งกลางกุ้ง ซึ่งคาดว่าแม่ค้ารายใหญ่สถานที่ทำงานสนิทสนมกับแรงงานจะติดเชื้อโรควัววิด-19 มาจากแรงงานต่างประเทศไม่ถูกกฎหมายที่ลักลอบเข้ามาดำเนินงานในตอนที่ภรรยานมามีการระบาดอย่างหนัก ซึ่งก่อนหน้านั้นก็เจอคนประเทศไทยที่ลักลอบกลับไปอยู่บ้านตามหนทางธรรมชาติติดโรคมาจากสถานเริงรมย์ใกล้กับอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย หลายสิบคน
เป็นเหตุที่เพียงพอจะน่าไว้วางใจว่า เริ่มจากแรงงานต่างชาติสถานที่ทำงานตลาดกึ่งกลางกุ้งมหาชัยเป็น super spreaders ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียไม่เฉพาะแต่กรุ๊ปแรงงานต่างประเทศในธุรกิจสม่ำเสมอจากประมงในจังหวัด 3 มหาสมุทร ดังเช่นว่า จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม รวมทั้งจังหวัดสมุทรปราการแค่นั้น
แม้กระนั้นเพราะเหตุว่าประชากร พ่อค้า แม่ขาย จำเป็นต้องมาซื้อกุ้งปลา สัตว์สมุทร ไปจัดจำหน่ายในหลายจังหวัดกระจัดกระจายทั่วราชอาณาจักร
อย่างต่ำเป็น กรุ๊ปจังหวัดต่างๆในภาคกึ่งกลาง ทำให้การแพร่ของคนไข้วัววิด-19 มากขึ้นและก็กระจัดกระจายไปหลายจังหวัด ในขณะนี้ยังคุมมิได้ ปริมาณยังมากขึ้นเป็นตัวเลข 3 หลัก
จากเหตุการณ์การระบาดจากกรุ๊ปคลัสเตอร์ (Cluster) ของแรงงานต่างประเทศในกรุ๊ป 3 จังหวัดมหาสมุทรที่กล่าวมา หน่วยงานที่มีบทบาทควบคุมโรคกำลังยังอยู่ในตอนจัดการกับการระบาด
ช่วงเวลาเดียวกันก็กำเนิดปัญหาเกี่ยวกับการติดโรคเพิ่มจากกรุ๊ปธุรกิจสีเทาเป็นบ่อนการพนัน บ่อนตีไก่ (อีกทั้งรายย่อยรายใหญ่) นักเสี่ยงโชคกลุ่มนี้เปลี่ยนเป็นกรุ๊ปผู้ติดโรคเชื้อไวรัสวัววิด-19 กระจัดกระจายอีกทั้งภาคทิศตะวันออก จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง เมืองจันท์ แล้วก็จังหวัดตราด กระทั่งจำต้องล็อกดาวน์ (Lock down) ในกรุ๊ปจังหวัดพวกนี้
ระหว่างที่บ่อนตีไก่แล้วก็ค่ายฝึกซ้อมไก่ชน จังหวัดจังหวัดอ่างทอง ก็เปลี่ยนมาเป็นกรุ๊ปคลัสเตอร์ใหม่ กระจัดกระจายการระบาดไปยังภาคกลางตอนเหนือรวมทั้งกระจัดกระจายไปสู่ผู้ติดโรครายใหม่ไปอีกหลายจังหวัด
สุดท้ายศูนย์บริหารเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสวัวโรที่นา 2019 หรือ ศบค. จำเป็นต้องประกาศบังคับใช้มาตรการการปกป้องโรคอย่างเคร่งครัดสูงสุดกับ 5 จังหวัดต่อเนื่องกัน ยกตัวอย่างเช่น จังหวัดกรุงเทพ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง แล้วก็จังหวัดตราด
ก่อนธ.ค. 2563 ผู้กระทำระจายของการว่าจ้างคนต่างด้าวกระจัดกระจายไปดูเหมือนจะทุกจังหวัด แต่ว่าผู้กระทำระจุกตัวร้ายแรงอยู่เพียงแค่จังหวัดกรุงเทพมหานคร จังหวัด 3 มหาสมุทรและก็จังหวัดชลบุรี
ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาการจัดการปัญหาการระบาดรอบเดิมมีมาตรการหยุดการย้ายที่ล็อกดาวน์อย่างมีเงื่อนไข ทำให้ไม่มีการแพร่ระบาดและก็เพียรพยายามค้นหาผู้ที่ยังติดเชื้อโรคให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด ทำให้สามารถควบคุมโรคระบาดวัววิด-19 นี้อยู่ในวงจำกัด
แล้วก็กลับมาสู่สภาวะไม่มีผู้ติดโรครายใหม่มากกว่า 3 เดือน ถ้าเกิดว่าไม่มีซุปเปอร์สเปรดเดอร์ (Super spreader) กรุ๊ปใหม่มาเพิ่มอีก เมืองไทยก็จะกลับสู่ความธรรมดาใหม่นิวนอร์มอล (New Normal) แต่ การระบาดรอบใหม่นี้ไม่เกินความหวังของคนจำนวนไม่น้อย
ในตอนสิงหาคม 2563 คนเขียนได้เคยบอกสัญญาณกับรัฐบาล เตรียมพร้อมต่อกรกับปัญหาแรงงานนิดหน่อยที่กลับมาจากประเทศเพื่อนบ้าน หากดูแลไม่ดีแรงงานที่กลับเข้ามานี้จะมีผลให้มีการระบาดรอบสอง ซึ่งข้อแนะนำเดิมมีเนื้อหาดังต่อไปนี้
1.หาพื้นที่กักบริเวณเจ้านายหรือ Organizational Quarantine (OQ) รอบๆชายแดนก่อนนำเข้ามาในส่วนในของประเทศ โดยให้แรงกระตุ้นลดค่าดูแลจากโดยประมาณ 1,600 บาท เหลือเกิน 1,000 บาทต่อคนต่อวัน โดยให้ผัวและก็เมียอยู่ร่วมกันได้
2.ให้ระแวดระวังเป็นพิเศษเรื่องแรงงานต่างชาติลักลอบเข้าไทยตามวิถีทางธรรมชาติ โดยมิได้ผ่านการตรวจโรควัววิด-19
สำหรับข้อเสนอแนะแรกดูเหมือนจะมีการตั้ง Local Quarantine (LQ) ในรอบๆชายแดนภาคใต้ แต่ว่าสำหรับค่าดูแลในส่วนนั้นยังไม่มีข้อมูลว่าทางการได้มีการนำไปพิเคราะห์หรือเปล่า
แต่ว่าในส่วนข้อ 2 ชัดแจ้งว่าผลพวงจากการคลายเครียดความครัดเคร่ง ปลดปล่อยให้มีการลักลอบของแรงงานต่างประเทศไม่ถูกต้องตามกฎหมายเข้ามาได้ในไตรมาสในที่สุดของปี 2563 ก่อกำเนิดการระบาดอย่างหนัก (Super spreader) ในเขตที่มีแรงงานต่างประเทศอยู่อย่างหนาแน่นเป็น จังหวัดสมุทรสาคร
การระบาดของผู้เจ็บป่วยรอบใหม่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดอย่างหนักในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน (ภรรยานมา) จนกระทั่งมาถึงรอบๆชายแดนไทยราวๆต.ค. 2563
รวมทั้งมีฝูงชนแอบหนีไปสู่เมืองไทยตามวิถีทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นบุคลากรหญิงจากแหล่งบันเทิงที่เรียกว่า “สาวเอ็น” กระทั่งมีการสอบสวนโรครวมทั้งควบคุมได้ในเวลาไม่นาน
แม้กระนั้นต่อจากนั้นก็มีการระบาดที่มีผู้ติดเชื้อโรคทั้งคนไทยรวมทั้งคนงานจากภรรยานมาเป็นส่วนมากจนถึงขยายมาจนถึงทุกวันนี้
สรุปเป็น วิถีทางปฏิบัติไม่ได้เป็นไปในแนวทางที่คาดหวังไว้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าเกิดดูแลชายแดนอย่างเป็นจริงเป็นจังกว่านี้ มีความเคร่งครัดตั้งใจจริงโดยไม่ลดการ์ด อาจไม่กำเนิดปัญหานี้และก็หากบังคับใช้ข้อบังคับอย่างเป็นจริงเป็นจังเอาจริงเอาจังกับผู้ว่าจ้างและก็คนกลาง “โหดร้าย” หัวหน้าพาแรงงานไม่ถูกต้องตามกฎหมายเข้ามารวมทั้งหากไม่มีพวก “คนเล่นพนัน” ก็จะไม่กำเนิด Super spreader อีกครั้ง คือปัญหาให้กำเนิดการสิ้นไปทางด้านทรัพยากรเกี่ยวการควบคุมการระบาดและก็มีการสูญเสียด้านเศรษฐกิจราคาเป็นอย่างมากหลายแสนล้านบาทแล้วคนใดจะรับผิดชอบ
ปัญหาเรื่องการระบาดวัววิด-19 รอบนี้เกิดขึ้นอีกทั้งส่วนของบางกรุ๊ป “ธุรกิจสีเทา” หรือธุรกิจใต้ดินที่อาศัยคนกลางไม่มีอารยธรรม (คนต่างด้าว) คนเล่นพนัน (ชาวไทย) ประกอบกับความเห็นแก่ตัวของเจ้าหน้าที่และก็ผู้บังคับใช้ข้อบังคับที่สมคุณประโยชน์ร่วมด้วย ส่งผลให้เกิดช่องโหว่การระบาดอย่างหนักในรอบที่ 2
เรื่องของแรงงานต่างชาติไม่ถูกกฎหมายเกิดเรื่องที่เกิดในสถานการณ์ “ปรบมือฝ่ายเดียวไม่ดัง”หมายถึงมีนายว่าจ้างบางบุคคลยอมเสี่ยงใช้คนผิดข้อบังคับมาปฏิบัติงานเพื่อแลกเปลี่ยนกับค่าใช้สอยที่ถูกกว่าการนำเข้าตามธรรมดาซึ่งมีต้นทุนไม่ต่ำลงยิ่งกว่า 3-4 หมื่นบาทต่อคนต่อการเข้ามาดำเนินการ 2 ปี
เป็นจ่ายเพียงแค่ราวๆ 6,000-10,000 บาทต่อคน และไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าตรวจโรค ค่า Work permits ค่าประกันสังคม ช่วงเวลาที่แรงงานต่างประเทศเองไม่มีค่าใช้จ่ายค่าคอมมิสชั่นหลายหมื่นบาท
ธุรกิจสีเทาเกื้อหนุนแรงงานไม่ถูกต้องตามกฎหมายนี้เป็นผลมาจากตัวกลาง 2 ข้างเป็น คนกลางหยาบคายและก็ข้าราชการผู้ดูแลข้อบังคับในทุกระดับ
หากเป็นภาวการณ์ไม่กำเนิดโรคระบาดวัววิด-19 อาจจะไม่มีปัญหาอะไร ทุกฝ่ายได้รับผลดีปิดเงียบ แม้กระนั้นครั้งนี้ความมา “แดง” ตรงที่คนต่างด้าวไม่ถูกต้องตามกฎหมายที่ลักลอบนำพาเข้ามาอยู่ปะปนกับเพื่อนเกลอ ญาติโกโหติกาอย่างแออัดคับแคบ ขาดสุขลักษณะในชุมชนต่างชาติ นำเอาเชื้อไวรัสวัววิด-19 เข้ามาด้วย
ซึ่งคาดว่าเป็นเชื้อไวรัสวัววิด-19 สายพันธุ์ใหม่ซึ่งสามารถแพร่ระบาดได้อย่างเร็วทั้งยังในหมู่คนต่างชาติและก็ชาวไทยที่เกี่ยวกับคนงานต่างประเทศที่ติดโรคดังที่กล่าวมาข้างต้น
อย่างไรก็แล้วแต่ แรงงานต่างประเทศที่ยังอยู่ในไทยแม้กระนั้นมิได้ขึ้นทะเบียน และก็ได้รับการผ่อนปรนให้อยู่ถัดไปได้ กลุ่มคนเหล่านี้จะไม่มีผู้ว่าจ้าง ประเด็นนี้ทางรัฐบาลได้ลงความเห็น คณะรัฐมนตรี ช่วงวันที่ 29 เดือนธันวาคม 2563 ผ่อนผันให้คนต่างด้าว 3 เชื้อชาติอยู่ในแว่นแคว้นได้ดำเนินการอย่างแม่นยำโดยชอบด้วยกฎหมายเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้เหตุการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อเชื้อไวรัสระลอกใหม่ โดยใช้ มัธยม17 ของ พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พุทธศักราช2522 ให้คนต่างด้าวรวมทั้งผู้ติดตาม
ซึ่งเป็นลูกของคนต่างด้าวอยู่ในไทยได้ตามสิทธิของพ่อหรือคุณแม่ โดยเริ่มนับจากวันที่ 15 เดือนมกราคม 2564 เป็นต้นไป
ความหวังดีกรุ๊ปแรงงานต่างประเทศอยู่อย่างไม่ถูกกฎหมายจะได้รับการจดทะเบียนความเป็นมา ก็เลยไม่ใช่หลักสำคัญอีกต่อไป
แม้กระนั้นจะเป็นข้อความสำคัญเรื่องค่าใช้สอยสำหรับเพื่อการขึ้นทะเบียนรอบใหม่ มีการตรวจคัดเลือกกรองวัววิด-19 แล้วก็โรคต้องห้ามตามแนวทางการกระทรวงสาธารณสุข (รับรองสุขภาพ 2 ปี) จะต้องทำให้เสร็จด้านในวันที่ 16 ม.ย. 2564
และก็จำต้องขอทำงานต่อกรมการจัดหางานด้านในวันที่ 13 เดือนกันยายน 2564 ซึ่งค่าใช้สอยค่าธรรมเนียมอนุญาตดำเนินการ ค่าตรวจคัดเลือกกรองวัววิด-19 ค่าตรวจโรคต้องห้าม ค่ารับรองสุขภาพ ค่าทำปรับแก้ทะเบียนความเป็นมา แล้วก็ออกบัตรประจำตัวคนไม่มีชนชาติไทย รวมรายจ่ายโดยประมาณ 8,000-10,000 บาท
แต่ว่าคนงานกลุ่มนี้ยังมิได้ปฏิบัติงานและไม่มีเงินสำรองจ่าย จะมีผลให้กำเนิดปัญหาเรื่องการขึ้นทะเบียนคราวนี้
หัวข้อที่จำเป็นต้องพิเคราะห์เป็น การระบาดรอบ 2 มีการเลิกกิจการในตอนที่มีการควบคุมโรคที่เกิดระบาดในรอบนี้ อาจจะจำต้องใช้เวลาขั้นต่ำเป็นเดือนจวบจนกระทั่งแรงงานต่างประเทศจะมีนายว่าจ้างรวมทั้งดำเนินการได้สุดกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ (เมื่อเหตุการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสทุเลาลง)
มีความแจ่มกระจ่างว่า ระยะนี้เว้นเสียแต่จัดการกับปัญหาคนต่างด้าวติดเชื้อโรควัววิด-19 แล้วกลับทำงาน ในกรณีที่ผู้ว่าจ้างมีปัญหาจะต้องชะลอว่าจ้างหรือหยุดการว่าจ้าง ทำให้แรงงานควรมีการเปลี่ยนผู้ว่าจ้าง เปลี่ยนแปลงอาชีพ เปลี่ยนแปลงพื้นที่
ซึ่งข้อตกลงปัจจุบันนี้แรงงานต่างประเทศสามารถมองหางานทำตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เวลาที่แรงงานที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็นกรณีพิเศษคงจะมีจำนวนนับแสนคน
แรงงานกลุ่มนี้กำลังตกที่นั่งลำบากเรื่องปัจจัยสี่ปรารถนาความให้การช่วยเหลือเร่งด่วน ภายหลังได้รับการผ่อนปรนให้ได้รับการเขียนทะเบียนตามความเห็นชอบ คณะรัฐมนตรีวันที่ 29 เดือนธันวาคม 2563
ข้อแนะนำ
1.ผ่อนผันไหมเก็บค่าครองชีพสำหรับในการลงทะเบียนใหม่จากแรงงานต่างชาติที่ปราศจากจากวัววิด-19 แล้ว แล้วก็พึ่งได้สิทธิให้สมัครสมาชิกให้ดำเนินงานได้ ซึ่งจากการประเมินการรายจ่ายสำหรับการลงบัญชีใหม่ข้างต้น ราวๆคนละ 10,000 บาท
2.จะทำเช่นไรให้แรงงานต่างชาติกลุ่มนี้สามารถได้งาน มีนายว่าจ้างอย่างรวดเร็ว เพื่อเจ้านายช่วยออกค่าใช้สอยให้ก่อนแล้วตัดลดเงินเดือนคราวหลัง กรมการจัดหางานคงจะช่วยจับคู่แรงงานกับนายให้ได้ ตัวอย่างเช่น ผ่านระบบไทยมีงานทำ แล้วก็การโปรโมทให้เข้มข้นตั้งแต่เวลานี้
3.เพื่อความมีชีวิตรอดในตอนเปลี่ยนแปลงผ่านนายว่าจ้างยังปรารถนาใช้แรงงานต่างประเทศแล้วก็แรงงานต่างชาติอยากเจ้านาย แรงงานต่างประเทศจะต้องรับประทานจำต้องใช้ทุกวี่ทุกวัน ในเวลาที่มิได้รับการบำบัดหรือลดภาระหน้าที่อะไรก็ตามเสมือนคนประเทศไทย
ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องช่วยเหลือกันให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลปัจจัยสี่ ค่ารับประทานอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว ค่าบ้านพักอิง กระทั่งจะได้รับการเขียนทะเบียนครบสมบูรณ์
4.ผู้ครอบครองสถานประกอบการ ผู้ว่าจ้าง ภาคประชากรสังคม และก็ผู้มีความประสงค์ช่วยเหลือทั่วๆไป สามารถช่วยเหลือกรุ๊ปแรงงานที่อยู่ในไทยอยู่แล้วได้
เพราะเหตุว่าถ้าเกิดแรงงานกลุ่มนี้จำต้องกลับประเทศด้วยเหตุต้นเหตุที่กล่าวมา สถานประกอบการจำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างต่ำ 3-4 หมื่นบาทต่อแรงงาน 1 คน เพื่อจะนำเข้าแรงงานใหม่เข้ามา
ด้วยเหตุนี้ในตอนหนึ่งเดือนนี้ก็เลยเป็นจังหวะที่ดีของนายที่อยากว่าจ้างแรงงานต่างประเทศอย่างแท้จริง

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *